ปัญหาน้ำนมแม่ไม่เพียงพอเป็นปัญหาหลักที่ทำให้คุณแม่ไม่สามารถให้นมได้นานต่อเนื่องอย่างที่ตั้งใจไว้ ซึ่งจริงๆแล้วปัญหานี้สามารถป้องกันและให้การแก้ไขได้ถ้าเราเข้าใจกลไกการสร้างและการหลั่งน้ำนมอย่างเพียงพอ ดังนั้นในช่วงแรกหมอจึงอยากอธิบายถึงกลไกการสร้างและหลั่งน้ำนมอย่างง่ายๆก่อน
การสร้างและการหลั่งน้ำนมในช่วงแรก
เมื่อลูกเกิดระดับฮอร์โมนในร่างการแม่จะมีการเปลี่ยนแปลงโดยมีฮอร์โมนหลักๆสองตัวที่จะช่วยในการสร้างและหลั่งน้ำนมคือ ออกซีโทซิน (oxytocin) และโปรแลคติน (prolactin) โดยโปรแลคตินจะถูกกระตุ้นการหลั่งเมื่อมีการดูดของทารก ฮอร์โมนนี้มีหน้าที่ในการกระตุ้นการสร้างน้ำนม โดยฮอร์โมนนี้จะหลั่งออกมาเป็นช่วงๆ มีค่าครึ่งชีวิตสั้นดังนั้นเพื่อให้มารดามีระดับฮอร์โมนที่สูงตลอดเวลา มารดาจึงต้องให้ทารกดูดอย่างรวดเร็วหลังคลอด ดูดถูกวิธีและดูดบ่อยๆทุก 2-3 ชั่วโมง โดยเฉพาะในเวลากลางคืนจะเป็นช่วงที่ฮอร์โมนหลั่งได้ดี ส่วนฮอร์โมนออกซีโทซินนั้นมีหน้าที่หลั่งน้ำนมออกมาจากท่อน้ำนม ฮอร์โมนนี้เป็นฮอร์โมนแห่งความสุขจะมีระดับที่สูงมารดาจะต้องไม่กังวลใจ พักผ่อนอย่างเพียงพอ และหากมารดาได้โอบกอดลูก อุ้มลูกหรือเพียงแต่คิดถึงลูกก็จะสามารถทำให้มารดามีการหลั่งน้ำนมได้ดีขึ้น
ดังนั้นการป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำนมไม่พอในช่วงแรกควรทำดังนี้
1. ส่งเสริมให้ทารกได้ดูดนมแม่อย่างรวดเร็วภายใน 1 ชั่วโมงแรกหลังเกิด
2. ส่งเสริมการ rooming-in ให้มารดาอยู่กับทารกตลอดเวลาเพื่อที่จะให้มารดาสามารถให้นมทารกได้บ่อยตามต้องการและมารดาจะสามารถสัมผัส ได้ยินเสียงหรือโอบกอดทารกได้ตามต้องการ
3. เน้นให้ทารกดูดนมอย่างถูกวิธีและบ่อยเพียงพอวันละอย่างน้อย 8-10 ครั้ง ไม่ควรข้ามมื้อนมโดยเฉพาะเวลากลางคืน การเสริมนมผสมที่มากเกินไปจะทำให้ทารกหลับนานและไม่ตื่นมากินนมบ่อยเท่าที่ควร ทำให้ระดับฮอร์โมนโปรแลคตินของมารดาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
4. ลดความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจมารดาไม่ว่าจะเป็นภาวะซึมเศร้า อ่อนเพลีย เจ็บแผล มารดาควรได้รับการพักผ่อนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ กินน้ำและอาหารให้เพียงพอ หากมีปัจจัยทางกายเช่นภาวะซึมเศร้า เจ็บแผลควรได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสม
5. ส่งเสริมการอุ้มในลักษณะเนื้อแนบเนื้อให้มากที่สุด
6. ทารกควรได้รับการประเมินวิธีการดูดนมว่าสามารถดูดได้อย่างถูกวิธีหรือไม่
การสร้างและการหลั่งน้ำนมในช่วงหลัง
ในระยะหลังนี้การรักษาปริมาณน้ำนมขึ้นกับปริมาณน้ำนมที่ได้รับการระบายออกจากเต้านมเป็นหลัก ในระยะนี้ในน้ำนมจะมาสารที่ชื่อว่า feedback inhibitor of lactation (FIL) โดยสารนี้จะยับยั้งการสร้างน้ำนมในเต้านมข้างนั้นๆ เมื่อทารกกินนมหรือมีการบีบน้ำนมออกระดับ FIL จะลดลงทำให้เต้านมข้างนั้นสามารถกลับมาสร้างน้ำนมเพิ่มขึ้น เป็นกลไกของธรรมชาติในการสร้างน้ำนมในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการของทารก ดังนั้นหากน้ำนมไม่ได้รับการระบายหรือระบายไม่เกลี้ยงเต้าก็จะทำให้เต้านมข้างนั้นๆมีการสร้างน้ำนมที่ลดลงได้
ดังนั้นการแก้ไขภาวะน้ำนมไม่เพียงพอในระยะนี้มีหลักการดังนี้
1. เน้นให้ทารกดูดนมอย่างถูกวิธีและเกลี้ยงเต้า
2. มีการระบายน้ำนมจากเต้านมทั้งสองข้างอย่างสม่ำเสมอ ไม่ทิ้งช่วงห่างเกินไปจนเกิดภาวะเต้านมคัด
3. ในมารดาที่บีบ/ปั๊มนมเป็นหลัก ควรทำให้แน่ใจว่าสามารถระบายน้ำนมได้เกลี้ยงเต้า และนอกจากนี้อาจใช้การดูรูป ดมกลิ่นหรือการคิดถึงลูกในขณะปั๊มนมเพื่อกระตุ้นการหลั่งของออกซีโทซิน ซึ่งจะทำให้เกิดการระบายน้ำนมได้ดีขึ้น
การใช้ยาเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำนม
1. การใช้สมุนไพรกระตุ้นหรือเพิ่มปริมาณน้ำนม ในปัจจุบันนี้มีคำแนะนำที่หลากหลายเกี่ยวกับการใช้สมุนไพรในการเพิ่มปริมาณน้ำนมเช่น ขิง สมุนไพรที่มีความเผ็ดร้อน fenugreek เป็นต้น ซึ่งไม่มีผลเสียที่ชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามสมุนไพรเหล่านี้ยังขาดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จะรองรับถึง ขนาดที่ควรใช้ และประสิทธิภาพที่ได้
2. การใช้ยาแผนปัจจุบัน ในปัจจุบันการใช้ domperidone ค่อนข้างแพร่หลาย อย่างไรก็ตามการใช้ยาดังกล่าวนี้มีรายงานถึงผลข้างเคียงบางอย่างต่อหัวใจที่พบไม่บ่อยแต่อย่างไรก็ตามการใช้ยาเหล่านี้ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
สรุป
ภาวะน้ำนมไม่พอสามารถป้องกันได้ด้วยการบริหารจัดการการให้นมอย่างเหมาะสม ถูกวิธีตั้งแต่แรกคลอด ด้วยเทคนิค 3 ดูดคือ ดูดเร็ว ดูดบ่อย ดูดถูกวิธี แต่หากมีปัญหาแล้วสิ่งที่ควรจะได้รับการประเมินคือการดูดอย่างถูกวิธีของทารก สภาพร่างกายและจิตใจมารดา จำนวนครั้งของการให้นมหรือบีบเก็บน้ำนมในแต่ละวัน ถ้าหากปฏิบัติตามนี้แล้วไม่ดีขึ้นแนะนำพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาถึงความจำเป็นและปลอดภัยในการใช้ยาทั้งกลุ่มสมุนไพรและ domperidone
เรียบเรียงโดย : ผศ พญ สุดาทิพย์ โฆสิตะมงคล
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ม ธรรมศาสตร์