กลุ่มแม่ตั้งครรภ์ก็เช่นเดียวกับทุกคนทั่วโลกที่จะต้องมีการดูแลตัวเองในช่วงเวลาแห่งการระบาดของโรคโควิด19 แต่ถ้าหากพบว่าแม่ตั้งครรภ์รายใดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะติดเชื้อโควิดหรือแม้แต่พบว่าติดเชื้อโควิด 19 ไปแล้วเกิดเข้าสู่ระยะการคลอดนั้นจะต้องมีการเตรียมคลอดที่ต่างกันแบ่งเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มที่มีอาการน้อยคือมีสัญญาณชีพปกติ และกลุ่มที่มีอาการรุนแรงต้องได้รับการดูแลเพิ่มขึ้นในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งทั้งสองกลุ่มต้องอาศัยการกระบวนการคลอดที่แตกต่างจากการคลอดตามปกติ
จากรายงานของต่างประเทศพบว่าแม่ตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโควิด 19 มีอาการและอาการแสดงเหมือนกับผู้ติดเชื้อที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ คือ มีอาการ ไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ และอาการอื่นที่แสดงถึงการติดเชื้อไวรัสทั่วไป ยังไม่มีการรายงานถึงแม่ตั้งครรภ์ที่มีอาการของโรคติดเชื้อโควิด 19 ที่รุนแรง การดูแลแม่ตั้งครรภ์ในช่วงนี้ก็น่าจะเหมือนกับการดูแลผู้ป่วยอื่นเพียงแต่ต้องคำนึงถึงทารกในครรภ์ด้วย
จากรายงานเกี่ยวกับทารกที่คลอดจากแม่ที่ติดเชื้อโควิด 19 ในหลายประเทศ พบว่า มีทารกในจีนจำนวน 3 รายติดเชื้อโควิด 19 จากแม่จำนวน 33 รายที่ติดเชื้อโควิด 19 ที่ได้รับการผ่าตัดคลอด เช่นเดียวกับรายงานจากประเทศฝรั่งเศสที่รายงานถึงทารกที่คลอดจากแม่ที่ติดเชื้อโควิด 19 ที่ผ่าตัดคลอดก็ตรวจพบเชื้อโควิด 19 จากเลือดของทารก อีกรายงานหนึ่งจากสหรัฐอเมริกาพบว่าทารกที่คลอดปกติจากแม่ที่ติดเชื้อโควิด 19 ตรวจไม่พบการติดเชื้อ จึงน่าจะยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการผ่าตัดคลอดสามารถป้องกันการถ่ายทอดเชื้อโควิด 19 จากแม่ไปสู่ลูกได้และในปัจจุบันยังสามารถสรุปได้ว่าทารกที่คลอดจากแม่ที่ติดเชื้อโควิด 19 จะได้รับเชื้อตั้งแต่อยู่ในท้องแม่, ระหว่างกระบวนการคลอด หรือในช่วงการเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดในท้องแม่
ดังนั้นราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยได้กำหนดแนวทางการดูแลแม่ตั้งครรภ์ที่สงสัยติดเชื้อ หรือพบว่าติดเชื้อโควิด 19 ในช่วงระยะคลอดดังนี้
• แบ่งแม่ตั้งครรภ์เป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่มีอาการน้อยคือมีสัญญาณชีพปกติ และกลุ่มที่มีอาการรุนแรงต้องได้รับการดูแลเพิ่มขึ้นในระบบทางเดินหายใจ
• การดูแลผู้คลอดใช้ทีมสหสาขาวิชาชีพในสาขาที่จำเป็น อันประกอบด้วย สูติแพทย์ อายุรแพทย์ กุมารแพทย์ วิสัญญีแพทย์ และพยาบาล
• จำกัดจำนวนบุคลากรที่จะเข้ามาดูแลใกล้ชิดและเครื่องมือต่างๆ ให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น
• บุคลากรที่จะสัมผัสหรือดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดจะต้องใส่อุปกรณ์ป้องกันเชื้ออย่างเต็มที่
• ดูแลแม่ตั้งครรภ์ในระหว่างกระบวนการคลอดตามมาตรฐาน
• การผ่าตัดคลอดควรเป็นไปตามข้อบ่งชี้ทางสูติศาสตร์ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของทั้งผู้ป่วย บุคลากร และทรัพยากร
• ถ้าจำเป็นต้องได้รับการระงับความเจ็บปวดระหว่างการคลอดหรือการผ่าตัด ควรเลือกการทำ spinal หรือ epidural anesthesia
• หลังคลอดควรแยกแม่และลูกจนกว่าแม่จะตรวจไม่พบเชื้อ ส่วนทารกแรกเกิดก็แยกจากเด็กอื่นอย่างน้อย 14 วัน และมีการตรวจหาเชื้อในทารกทุกราย
• ทารกสามารถกินนมแม่ได้ โดยบีบนมแม่มาให้ผู้ดูแลป้อนลูก แต่เวลาบีบเก็บน้ำนมแม่ จะต้องมีการใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ ทำความสะอาดเต้านมก่อนบีบหรือปั๊มนมทุกครั้ง
โดยสรุปแล้ว วิธีการคลอดในรายที่เป็นแม่ตั้งครรภ์กลุ่มเสียงหรือมีการติดเชื้อโควิด 19 จะต้องมีการดูแลการคลอดโดยเฝ้าติดตามสภาวะของทั้งแม่และลูก วิธีการคลอดเป็นไปตามมาตรฐานและข้อบ่งชี้ทางสูติศาสตร์ หลังคลอดควรแยกแม่และลูกจนกว่าแม่จะตรวจไม่พบเชื้อ ต้องตรวจหาเชื้อในทารกทุกราย และสามารถให้นมแม่แก่ลูกได้ สุดท้ายขอฝากไว้สักนิดว่าCOVID-19 เป็นโรควิบัติใหม่ที่เรายังไม่รู้จักมากนักและต้องระมัดระวังค่อนข้างสูง แต่ก็ไม่อยากให้แม่ตื่นตระหนกจนเกินเหตุ จนทำให้กระบวนการคลอดที่ควรจะเป็นต้องสูญเสียไปนะคะ
ผู้เรียบเรียง : ผศ.พญ.สาวิตรี สุวิกรม
สูติ-นรีแพทย์ประจำศูนย์นมแม่
โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร
เอกสารอ้างอิง
1. แนวทางเวชปฏิบัติ การดุแลรักษาสตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโควิด-19, version2, ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย, 2563
2. แนวปฏิบัติในการทำหัตถการและการผ่าตัดในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19, กรมการแพทย์, 2563
3. Boelig RC, Manuck T, Oliver EA, Mascio DD, Saccone G, et al. Labor and delivery guidance for COVID-19. Am J Obstet Gynecol MFM. 2020 May 2;2(100110).
4. Chen H, Guo J, Wang C, Luo F, Yu X, Zhang W, et al. Clinical characteristics and intrauterine vertical transmission potential of COVID-19 infection in 9 pregnant women: a retrospective review of medical records. Lancet 2020;395(10226):809-15.
5. Iqbal S, Overcash R, Mokhtari N, Saeed H, Gold S, et al. An uncomplicated delivery in a patient with covid-19 in the United States. N Eng J Med 2020; 382:e34.